วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโรค


 



โรค เป็นสภาวะผิดปกติของร่างกายหรือจิตใจของสิ่งมีชีวิตซึ่งทำให้การทำงานของร่างกายเสียไปหรืออาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต โรคยังอาจหมายถึงภาวะการทำงานของร่างกายซึ่งทำให้เกิดอันตรายแก่ตัวเอง ซึ่งจะแสดงออกมาเป็นอาการหรืออาการแสดงต่อโรคนั้นๆ
ในมนุษย์ คำว่าโรคอาจมีความหมายกว้างถึงภาวะใดๆ ก็ตามที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด,การทำหน้าที่ผิดปกติขิงเซลล์, ความกังวลใจ, ปัญหาสังคม หรือถึงแก่ความตาย ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ได้รับผลหรือผู้ที่อยู่ใกล้ชิด โรคอาจถูกใช้เพื่อเรียกการบาดเจ็บ, ความพิการ, ความผิดปกติ, กลุ่มอาการ, การติดเชื้อ, อาการ, พฤติกรรมเบี่ยงเบน, และการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของโครงสร้างหรือหน้าที่การทำงานในประชากรมนุษย์

สาเหตุของโรค

      70% ของโรคหรือความเจ็บป่วยเกิดขึ้นจากโภชนาการบกพร่อง นั่นก็คือ คนป่วย 10 คนที่ไปพบแพทย์จะมี 7 คนที่ป่วยเนื่องจากได้รับอาหารผิดหลักโภชนาการ คุณคงทราบว่าโรคที่ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุดเรียงลำดับ 1-3 คือ มะเร็ง หัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับ หลอดเลือดตีบ ทั้ง 3 โรคไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง
     ปัจจุบันต้องยอมรับว่า เราไม่สามารถทานอาหารได้ครบ ทั้งปริมาณและสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ได้ เนื่องจากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ เลือกทานตามใจปาก ชอบทานฟาสต์ฟูด ได้รับสารพิษจากขั้นตอนการผลิต และปรุงอาหารที่ไม่สะอาด พืช ผัก ผลไม้ มียาฆ่าแมลงตกค้าง เนื้อสัตว์ มีการใช้สารเคมีเพื่อเร่งให้โตไว หรือแม้กระทั่งยารักษาโรคที่คุณรับประทาน เข้าไปก็เป็นสารเคมี คุณอาจเคยอ่านเจอในฉลากยาบางชนิดว่า "ห้ามกินติดต่อกันเกิน....วัน" เพราะอาจอันตราย ต่อร่างกาย





    สาเหตุหลักมาจากโภชนาการที่บกพร่องและระบบดูดซึมอาหารของร่างกาย ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารเข้าไปใช้ได้อย่างไม่เต็มที่ ถึงแม้เราจะทานอาหารปริมาณมาก ก็ตามแต่เนื่องจากว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่อาหาร ที่ทานนั้นจะมีแต่ แป้งและไขมันเป็นส่วนมาก เมื่อร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่ต้องการ ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย จะทำงานเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ปัญหาสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าโรคอ้วน โรคผอม ไม่แข็งแรง ปวดหัว เบาหวาน โรคหัวใจ ไขมันในเส้น เลือด ความดัน และอื่นๆ เป็นผลมาจากที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอและถูกต้อง อีกอย่างหนึ่งคือ ระบบดูดซึมที่ทำงาน ไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากลำไส้ของเราจะมีสิ่งสกปรกสะสมอยู่ตามผนังลำไส้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบดูดซึมทำงาน ได้เพียง 30-50% เท่านั้น หากเราทานอาหารเข้าไป 100% ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เพียง 50% เท่านั้น ดังนั้นเราจะ ได้สารอาหารที่ไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการอย่างแน่นอนจึงเป็นผลให้ร่างกายไม่สามารถทำงานเต็มประสิทธิภาพอย่างที่ควร จะเป็น และเป็นผลให้สุขภาพที่ไม่
  






การเกิดโรค
    ในสภาวะความเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีได้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีบทบาทต่อ
การดำรงชีพของคนปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ผู้ที่อาศัยในตัวเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่น กรุงเทพฯ

 .... 

การนำเอาธรรมชาติมาแปรรูปเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับมนุษย เริ่มขึ้นอย่างฟุ่มเฟือย 

และกลายเป็นความเคยชิน และในที่สุดเราก็คิดว่าเป็นปัจจัยที่จำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน
 (ที่เราขาดไม่ได้) ความไม่รู้หรือการหลงผิดในความดิดนี้ ทำให้เรากลับไปพึ่งพาสารเคมีทีแฝง
มาอยู่ในรูป "คุณหมอวิเศษ" ที่ดลบันดาลให้ในทุกรูปแบบ ถ้าหากมาทำความเข้าใจในหลักใหญ่
ของธรรมชาติและเรียนรู้ว่า "มนุษย์เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ" เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่มนุษย์ปฏิบัติตน
ผิดหลักของ ธรรมชาติแล้ว ย่อมส่งผลกระทบต่อตัวเราเอง 

ดังนั้นถ้าเราเข้าใจพื้นฐานของร่างกายเรา เราก็จะทราบว่าสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดโรคภัยไข้เจ็บ 
และอาการที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ในร่างกาย โดยสรุปมีดังนี้:-

1. อาหาร เนื่องจากพบว่าคนไทยในสังคมปัจจุบันมีความเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารกัน
เป็นส่วนมากเชื่อมโยงไปสู่อวัยวะต่าง ๆ อย่างมากมายอันมีสาเหตุมาจากการ บริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้องจากค่านำยมที่ผิด ๆ และสาเหตุอื่น ๆ อีกมากมาย การทดลองซึ่งเป็นงานวิจัยของ ต่างชาติแต่นำมาใช้กับคนไทย ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นถิ่นกำเนิน, สายพันธุ์, ภูมิประเทศ, ภูมิอากาศ,การบริโภคและอื่น ๆ อีกมากมาย ถ้าให้ข้อมูลด้านโภชนาการที่มีอยู่ 
ถูกนำมาใช้อย่างไม่ถูกต้องร่ายกายได้รับสารอาหารที่ฟื้นฟูตัวเองในทุกระบบแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ดูดซึมทันที ทำให้ร่างกาย นำมาใช้ได้อย่างรวดเร็ว ขับถ่ายง่ายไม่เหลือของเสียตกค้าง ใช้ได้กับผู้ป่วยทุกประเภทและคนปกติอย่างมีข้อจำกัดน้อยที่สุด ปลอดภัยและมีราคาต่ำ ที่สำคัญ
ทุกคนปฏิบัติเองได้ เช่น น้ำผักผลไม้ปั่น
2. อารมณ์ อารมณ์ตึงเครียดจะส่งผลทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนอะดรีนาลีน ( ฮอร์โมนแห่งความทุกข์) หลั่งมาจากต่อมหมวกไต ทำให้ภาวะความเป็นกรดในเลือดสูงขึ้น เลือดข้นขึ้น ความดันโลหิตสูง ขบวนการเคมีเกิดขึ้นมากมายแต่ไม่สมดุลเกิดเซลตายจำนวนมากมาย และในขณะที่เครียด 
ถุงน้ำดีจะปิดการย่อยไขมันที่จะเปลี่ยนรูป เป็นพลังงาน แก่ร่างกายและเป็น ส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย 

ถ้าขบวนการเผาพลาญอาหารมาเป็นพลังงานในการสร้างเซลใหม่และกำจัดของเสียเกิดไม่ทัน 
จะเกิดการสะสมเซลตายซึ่งเป็นสาเหตุของอาการและโรคจำนวนมาก 

ดังต่อไปนี้เช่น อาการสารพัดปวด, เนื้องอก, มะเร็ง, ภูมิแพ้, ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, ท้องผูก, โรคกระเพาะ,โรคลำไส้, โรคไต, ผมหงอกก่อนวัย, กระดูกผุ, ปวดประจำเดือน, ความดันโลหิตสูง, อัมพฤกษ์, อัมพาต, ต้อเนื้อ, ต้อกระจก, ต้อลม, ตาพร่า ฯลฯ

3.อากาศ เราจะพบว่าคนไทยส่วนมากโดยเฉพาะในสังคมเมืองหลวงหายใจสั้นและเร็ว ทำให้การหายใจแต่ละครั้งได้ปริมาณ O2 น้อย และเอา CO2 ออกได้น้อยเช่นกัน ปอดทั้งสองข้างจะทำงานไม่ได้เต็มที่ เมื่อปล่อยให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้เกิดความเสื่อม ไปถึงความผิดปกติยังระบบอื่น ๆ
4. อุจจาระ การขับถ่ายของคนเราโดยเฉพาะอุจจาระนั้น ควรทำให้เป็นปกติทุกวันก่อน 7 โมงเช้า ควรขับของเสียออกให้หมด และเตรียมรับอาหารมื้อเช้า คนที่ไม่พยายามขับถ่ายให้เป็นปกติ ปล่อยให้ท้องผูกเป็นประจำจะเป็นการปล่อยให้ร่างกายดูดซึมของเสียไปเลี้ยร่างกายเนื่องจากปกติอาหารที่เรากินกันอยู่ส่วนมาก ภายใน 12 ชั่วโมง ก็เริ่มบูดเน่า คนที่ท้องผูกเป็นระยะเวลานาน ๆ จะเป็นสาเหตุอันนำไปสู่อาการและโรคจำนวนมากมายหลายโรคเช่น สมองเสื่อม หลงลืม ปวดทั้งหลาย ภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ เนื้องอก มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต หอบหืด นอนไม่หลับ ฯลฯ
5. การออกกำลังกาย ควรเลือกวิธีการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตนเอง เวลาที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายควรเป็นช่วง 05.00-07.00 น. ในตอนเช้า เพราะจะเป็นการช่วยให้ลำไส้ใหญ่และไตขับของเสียออกให้หมด และพร้อมที่จะขับถ่าย และรับอาหารใหม่ในตอนเช้า
6. การนอน เวลาที่ควรให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนก็คือ ช่วงเวลา 3 ทุ่มถึงตี 3 (จะตื่นหลังตี 3 ก็ได้) แต่ไม่ควรเข้านอนเกิน 3 ทุ่ม การนอนดึกหรือการพักผ่อน
ไม่เพียงพอจะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานหนักและทำให้เสื่อมเร็ว การนอนดึกจะส่งผลไปยังความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ในทุกระบบ เนื่องจากทุกอวัยวะต้องได้รับ
สารอาหารจากการไหลเวียนตลอดเวลา มีของเสียตกค้างระดับเซล ทำให้มีอาการทางผิวหนังแพ้ง่าย เป็นฝ้า กระ แผลพุพองจากการติดเชื้อ โรคผิวหนังต่าง ๆ และเกิดอาการปวดบริเวณ
หลังส่วนบนของร่ายกาย ได้แก่ ไหล่ ศีรษะ ไมแกรน ความจำเสื่อม สมองฝ่อ ขี้ลืม ฯลฯดังนั้นจึงไม่เป็นการยากที่เราจะปฏิบัติตนและทำความเข้าใจว่า..โรคแต่ละชนิดนั้นมีที่มาไม่ต่างกัน ที่ต่างกันคือชื่อเท่านั้น


ประเภทของโรคแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. โรคติดต่อหรือโรคติดเชื้อ คือ โรคที่สามารถถ่ายทอด ติดต่อถึงกันได้ระหว่าง

บุคคล โดยมีเชื้อจุลินทรีย์ ต่าง ๆ เป็นสาเหตุของโรค ได้แก่ วัณโรคกามโรค โรคเรื้อน อหิวาตกโรค โรคเอดส์ เป็นต้น แม้ว่าเชื้อโรคจะเป็นตัวก่อเหตุ แต่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของมนุษย์ก็เป็นปัจจัยร่วมที่สำคัญ

2. โรคไม่ติดต่อหรือโรคไม่ติดเชื้อ คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติหรือความ

เสื่อมโทรมของร่างกายและจิตใจ ไม่สามารถที่จะติดต่อไปหาบุคคลอื่นได้
 เช่น โรคหัวใจ  โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง  โรคนิ่ว  โรคจิต และโรคประสาท โรคความดันเลือดต่าง ๆ เป็นต้น

                                              




http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84
http://www.google.co.th/images?hl=th&noj=1&q=%E0%B8%9B%E0%



 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น